คู่สามีภรรยาป่วยขั้นวิกฤตหลังถูกหนูกัด

คู่สามีภรรยาป่วยขั้นวิกฤตหลังถูกหนูกัด

คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งในจังหวัดไฮเยืองต้องเข้ารับการรักษาที่ศูนย์โรคเขตร้อน (โรงพยาบาลบักไม) หลังจากถูกหนูกัด ด้วยอาการมีไข้สูงและมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอันตราย

สภาวะสับสนภายหลังถูกหนูกัด

ศูนย์โรคเขตร้อน (โรงพยาบาลบักไม) ได้รับเคสผู้ป่วยรับคู่สามีภรรยา (นาย NTP อายุ 68 ปี และนาง PTV อายุ 61 ปี) จากจังหวัดไฮเยืองเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยมีอาการไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียส หนาวสั่นทั่วร่างกาย และมีแผลบวมและติดเชื้อที่มือ

ผู้ป่วยแจ้งว่าเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ขณะที่พวกเขากำลังไล่จับหนู พวกเขาถูกกัดที่นิ้วมือและมีเลือดออก จากนั้นพวกเขาได้ล้างมือด้วยสบู่และทายาสมุนไพรที่แผล

ห้าวันต่อมา ผู้สูงวัยทั้งสองมีไข้สูง บางวันต้องนอนซม มีอาการสับสน หนาวสั่นทั่วร่างกาย และมีอาการปวดและบวมบริเวณแผลที่ถูกหนูกัด หลังจากเฝ้าสังเกตอาการเองที่บ้านเป็นเวลา 2 วัน แต่อาการไม่ดีขึ้น ทั้งสองจึงไปโรงพยาบาลอำเภอ โดยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักและถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลบักไม (ฮานอย)

ที่ศูนย์โรคเขตร้อน ผู้ป่วยทั้งสองได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น “ไข้หนูกัด” (โรคซูโดคุ หรือ Sodoku) หลังจากได้รับการรักษาอย่างจริงจังด้วยยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมเป็นเวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์ อาการของพวกเขาดีขึ้นอย่างชัดเจน และผู้ป่วยทั้งสองได้รับอนุญาตให้กลับจากโรงพยาบาลในช่วงบ่ายของวันที่ 31 ธันวาคม 2567

โรคซูโดคุ (Sodoku) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสไปโรคีตที่แพร่เชื้อจากหนู

รองศาสตราจารย์ ดร.โดซวีเกือง ผู้อำนวยการศูนย์โรคเขตร้อน โรงพยาบาลบักไม กล่าวเกี่ยวกับไข้หนูกัด ว่า ไข้หนูกัด (Sodoku) เป็นการติดเชื้อทางระบบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสไปริลลัม ไมนัส (Spirillum minus) เป็นแบคทีเรียที่พบในลำคอของหนูและถูกถ่ายทอดโดยตรงผ่านการกัดของหนู

ระยะฟักตัวของโรคอยู่ระหว่าง 3 วันถึง 2 สัปดาห์ อาการของโรคมักจะมีไข้สูง อาการหนาวสั่นที่เกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ และกลับมาเป็นซ้ำ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดศีรษะ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ อาเจียน อ่อนเพลีย และอาจมีอาการสับสนและโคม่า

“หากมีการติดเชื้อรุนแรงและไม่ได้รับการรักษาทันที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ตับอักเสบ เยื่อหุ้มปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ข้ออักเสบ และในกรณีที่ร้ายแรงอาจเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ลิ้นหัวใจอักเสบ และเสียชีวิตได้ บริเวณที่ถูกหนูกัดอาจมีแผลที่มีลักษณะบวม บวมน้ำ บางครั้งมีผื่น เลือดออกแบบเนื้อตาย และต่อมน้ำเหลืองบวมโตในบริเวณนั้น” ดร.เกือง กล่าว

การป้องกันโรคซูโดคุ

ดร.เกืองเสริมว่า การติดเชื้อที่เกิดจากหนูกัดนั้นพบไม่บ่อย อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงมีผู้ป่วยหลายรายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเกิดภาวะแทรกซ้อน การเกิดโรคมีความซับซ้อน และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกัน เช่น การรักษาความสะอาดและระบายอากาศในบ้านเพื่อไม่ให้หนูมีที่อยู่อาศัย

ควรเก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่มอย่างดีไม่ให้กระจัดกระจายหรือเปิดทิ้งไว้เพื่อไม่ให้หนูเข้ามาทำลาย

ควรกำจัดหนู ทำความสะอาด และกำจัดขยะอย่างถูกวิธี ห้ามใช้น้ำหรือกินอาหารที่อาจปนเปื้อนจากหนู

ผู้เลี้ยงหนูเป็นสัตว์เลี้ยงควรระมัดระวังในการจับหนูและทำความสะอาดกรงของพวกมันอย่างถูกวิธีตามที่ ดร.เกือง กล่าว เมื่อถูกหนูกัดหรือข่วน ควรทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทันทีในช่วง 15 นาทีแรก จากนั้นล้างแผลด้วยสารฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ 90 เปอร์เซ็นต์ ไอโอดีน เบตาดีน และและไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทันที

ที่สถานพยาบาล ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินความเสี่ยงในการสัมผัสและอาจได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก พร้อมทั้งได้รับยาปฏิชีวนะเป็นเวลา 5-7 วัน หากผู้ป่วยมีไข้สูง แผลบวม ต่อมน้ำเหลืองบวม ฯลฯ ควรไปยังสถานพยาบาลเพื่อตรวจสอบและรับการรักษาอย่างทันท่วงที