มีการตรวจพบไวรัสอุซูตู (Usutu virus) ในประเทศเดนมาร์กอีกครั้ง หลังจากเมื่อปีที่แล้วเกิดการระบาดที่ทำให้นกเกือบ 60 ตัวเสียชีวิต ล่าสุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบในนกเดินดงสีดำพันธุ์ยูเรเชียวัยอ่อนสองตัวในเขตเมืองหลวง ถือเป็นปีที่สองติดต่อกันที่ตรวจพบไวรัสชนิดนี้ในประเทศ

มีรายงานการติดเชื้อรวม 59 ตัวระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ในปี 2567 โดยเป็นนกเดินดงสีดำพันธุ์ยูเรเชีย (Eurasian Blackbird) 56 ตัว นกหัวขวานด่างใหญ่ (Great Spotted Woodpecker) 2 ตัว และเหยี่ยวแดงพันธุ์ยุโรป (Red Kite) 1 ตัว การตรวจพบครั้งล่าสุดนี้มาจากการเฝ้าระวังซากสัตว์ป่า (Fallen Game Surveillance) และได้รับการวิเคราะห์โดยกลุ่มความร่วมมือด้านสัตวแพทย์แห่งเดนมาร์ก (Danish Veterinary Consortium) ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของสถาบันภูมิคุ้มกันวิทยาแห่งรัฐ (State Serum Institute) และมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน

“เรากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้ปีนี้จะพบเพียงสองตัว แต่ก็ยังจำเป็นต้องเก็บและวิเคราะห์ซากนกที่ประชาชนพบ เพื่อเฝ้าระวังการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส” หลุยส์ ลอห์เซหัวหน้าแผนกและสัตวแพทย์จากสถาบันกล่าว

ไวรัสอุซูตูติดต่อผ่านยุงและมักส่งกระทบกับนกเดินดงพันธุ์สีดำเป็นหลัก ทั้งยังสามารถแพร่เชื้อไปยังนกชนิดอื่นได้ นกที่ติดเชื้ออาจมีอาการอ่อนแรง เซื่องซึม หรือแสดงพฤติกรรมผิดปกติ เช่น สูญเสียการทรงตัวและร่วงลงพื้นจากที่บินอยู่ ขณะที่บางตัวอาจตายโดยไม่มีอาการให้เห็น

ในบางกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากคือไวรัสอุซูตูทำให้คนป่วยได้เช่นกัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ หรือมีผื่นขึ้น แต่ในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นสมองอักเสบหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

ประชาชนควรสวมถุงมือเมื่อต้องจัดการกับซากนก แม้ว่าความเสี่ยงในการแพร่เชื้อจากนกสู่คนจะต่ำ แต่ซากนกอาจเป็นพาหะของโรคอื่นได้เช่นกัน หากพบซากนกเดินดงสามารถติดต่อหน่วยงาน Fallen Game Surveillance ซึ่งมีหน้าที่เฝ้าระวังโรคในสัตว์ป่าของเดนมาร์กได้โดยตรง