เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลติดโรค SFTS หลังให้การรักษาผู้ป่วยวิกฤติในเมืองชองจู เกาหลีใต้

เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลติดโรค SFTS หลังให้การรักษาผู้ป่วยวิกฤติในเมืองชองจู เกาหลีใต้

บุคลากรทางการแพทย์ 7 รายติดโรคกลุ่มอาการมีไข้รุนแรงพร้อมภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Severe Fever with Thrombocytopenis Syndrome: SFTS) นับเป็นกรณีการติดต่อจากคนสู่คนที่พบได้ยาก ภายหลังให้การรักษาผู้ป่วยวิกฤติรายหนึ่งในเมืองชองจู จังหวัดชุนชองเหนือ

ตามรายงานของสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (Korea Disease Control and Prevention Agency, KDCA) เมื่อวันอังคาร (1 กรกฎาคม 2568) ที่ผ่านมา การติดเชื้อเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาทำการช่วยชีวิตผู้ป่วยวิกฤต อายุ 69 ปี ด้วยการปั๊มหัวใจ (Cardiopulmonary Resuscitation, CPR) ในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาลศูนย์ที่เมืองชองจูเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์มีการสัมผัสกับเลือดและสารคัดหลั่งในร่างกายผู้ป่วยระหว่างปฏิบัติงาน

ผู้ป่วยเริ่มมีอาการครั้งแรก ได้แก่ มีไข้เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลท้องถิ่นในอำเภอโบอึนสองวันต่อมา เนื่องจากอาการไม่ดีขึ้น ผู้ป่วยจึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทั่วไปในเมืองชองจูเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน และถูกย้ายไปโรงพยาบาลศูนย์อีกแห่งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน เนื่องด้วยอาการทรุดหนักจากอาการไข้สูงร่วมกับภาวะเม็ดเลือดทุกชนิดต่ำ แม้แพทย์จะให้การรักษาอย่างเข้มข้น ผู้ป่วยก็เสียชีวิตระหว่างการกู้สัญญาณชีพเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน

บุคลากรทางการแพทย์ 9 รายที่ร่วมการกู้ชีพผู้ป่วยด้วยการปั๊มหัวใจ เริ่มมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และท้องเสีย ระหว่างวันที่ 17 ถึง 20 มิถุนายน ผลการตรวจวินิจฉัยยืนยันว่าบุคลากรทั้ง 7 รายติดเชื้อไวรัส SFTS

จากการสอบสวนโรค พบว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 7 รายสัมผัสเลือดและของเหลวในร่างกายผู้ป่วยขณะทำหัตถการต่างๆ เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจ การดูดเสมหะ การต่อเครื่องช่วยหายใจ และการปั๊มหัวใจ ระยะเวลาการรักษาที่ยาวนานยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ทั้ง 7 รายได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว

สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี ระบุว่า ขณะนี้กำลังติดตามผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องโดยตรง เจ้าหน้าที่จัดการศพ และญาติผู้ป่วยที่สัมผัสโดยอ้อม เป็นระยะเวลา 28 วัน ซึ่งเป็นเวลาสองเท่าของระยะฟักตัวสูงสุด 14 วัน และหน่วยงานยังกล่าวเพิ่มเติมว่าจะไม่เปิดเผยชื่อโรงพยาบาลเพราะไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดเพิ่มเติม

กลุ่มอาการโรค SFTS ส่วนใหญ่ติดต่อจากการถูกเห็บที่มีเชื้อกัด แต่อาจแพร่จากคนสู่คนผ่านการสัมผัสเลือดหรือของเหลวในร่างกายผู้ป่วยรุนแรงหรือผู้เสียชีวิต ตั้งแต่ปี 2557 มีผู้ติดเชื้อจากการแพร่ระหว่างคนแล้ว 35 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 34 ราย และเจ้าหน้าที่จัดการศพ 1 ราย ส่วนใหญ่เกิดระหว่างการปั๊มหัวใจ ใส่ท่อช่วยหายใจ หรือจัดเตรียมร่างผู้เสียชีวิต

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาหรือวัคซีนป้องกันโรค SFTS และอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคนี้ในเกาหลีใต้อยู่ที่ร้อยละ 18.5 เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ย้ำว่า การสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลคือวิธีป้องกันที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อปฏิบัติงานกลางแจ้งหรือดูแลรักษาผู้ป่วย SFTS

จี ยองมี คณะกรรมการของสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี กล่าวว่า “กรณีนี้ยืนยันความเสี่ยงของการแพร่เชื้อในโรงพยาบาลอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด รวมถึงสวมอุปกรณ์ป้องกันเมื่อทำการวินิจฉัยหรือรักษาผู้ป่วย SFTS”

เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า “เนื่องจาก SFTS ติดต่อผ่านเห็บในขณะทำการเกษตรหรือกิจกรรมกลางแจ้ง จึงขอให้ประชาชนสวมเสื้อผ้าแขนยาว กางเกงขายาว สวมหมวก ถุงเท้ายาว และทายากันแมลงเพื่อลดโอกาสที่ผิวหนังจะสัมผัสกับเห็บ”