พบผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าในแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้นเป็น 8 ราย
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแอฟริกาใต้รายงานพบผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่ม 2 รายในเดือนสิงหาคมในเขตซูลูแลนด์และอีเธกวินี จังหวัดกวาซูลู – นาทาล ทำให้จำนวนผู้ป่วยยืนยันโรคพิษสุนัขบ้าสะสมในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 8 ราย
โดยมาจากจังหวัดกวาซูลู – นาทาล (จำนวน 4 ราย) เคปตะวันออก (จำนวน 3 ราย) และลิมโปโป (จำนวน 1 ราย)
การเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้ายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในแอฟริกาใต้จากการที่ยังขาดการสร้างความตระหนักรู้สถานการณ์ของโรคให้ประชาชน อัตราการได้รับวัคซีนในสุนัขอยู่ในระดับต่ำ และบางครั้งความพร้อมของมาตรการและอุปกรณ์การป้องกันการติดเชื้อหลังการสัมผัสสำหรับผู้ที่ถูกสัตว์กัดยังไม่เพียงพอ แม้ในข้อเท็จจริงที่ว่าเมื่อผู้ป่วยแสดงอาการของโรคพิษสุนัขบ้าแล้วจะเสียชีวิตในท้ายที่สุด แต่สิ่งนั้นสามารถป้องกันได้หลังการสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ผู้สัมผัสสัตว์ป่วยควรได้รับการล้างทำความสะอาดบาดแผลอย่างเหมาะสมตามด้วยการรับอิมมูโนกลอบูลิน (Rabies immunoglobulin: RIG) และวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าในวันที่ถูกกัดสำหรับบาดแผลประเภทที่ 3 (ผิวหนังเปิดหรือฉีกขาด มีเลือดออก มีการสัมผัสถึงชั้นเยื่อเมือก) จากนั้นจะได้รับวัคซีนโดสที่เหลือในวันที่ 3 7 และระหว่างวันที่ 14 ถึง 28 หลังการสัมผัสสัตว์ การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในชุมชนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นขึ้นอยู่กับการให้การให้ความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงโรคพิษสุนัขบ้า การสร้างความมีส่วนร่วมของชุมชน การได้รับวัคซีนของสุนัขและแมว การดูแลบาดแผลหลังถูกกัดอย่างถูกต้อง และความพร้อมในการป้องกันการติดเชื้อหลังการสัมผัส